วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2552

บอกข้อดีและข้อเสียของระบบเครือข่ายTOPOGOLY พร้อมบอกข้อสอบ 5ข้อ

ข้อดี-ข้อเสีย
1.topologyรูปแบบของการเชื่อมโยงเครือข่าย หรือโทโปโลยี (LAN Topology)โทโปโลยีคือลักษณะทางกายภาพ (ภายนอก) ของระบบเครือข่าย ซึ่งหมายถึง ลักษณะของการเชื่อมโยงสายสื่อสารเข้ากับอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องคอมพิวเตอร์ ภายในเครือข่ายด้วยกันนั่นเอง โทโปโลยีของเครือข่าย LAN แต่ละแบบมีความเหมาะสมในการใช้งาน แตกต่างกันออกไป การนำไปใช้จึงมีความจำเป็นที่เราจะต้องทำการศึกษาลักษณะและคุณสมบัติ ข้อดีและข้อเสียของโทโปโลยีแต่ละแบบ เพื่อนำไปใช้ในการออกแบบพิจารณาเครือข่าย ให้เหมาะสมกับการใช้งาน รูปแบบของโทโปโลยี ของเครือข่ายหลัก ๆ มีดังต่อไปนี้
1.โทโปโลยีแบบบัส (BUS)เป็นรูปแบบที่ เครื่องคอมพิวเตอร์จะถูกเชื่อมต่อกันโดยผ่ายสายสัญญาณแกนหลัก ที่เรียกว่า BUS หรือ แบ็คโบน (Backbone) คือ สายรับส่งสัญญาณข้อมูลหลัก ใช้เป็นทางเดินข้อมูลของทุกเครื่องภายในระบบเครือข่าย และจะมีสายแยกย่อยออกไปในแต่ละจุด เพื่อเชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ ซึ่งเรียกว่าโหนด (Node) ข้อมูลจากโหนดผู้ส่งจะถูกส่งเข้าสู่สายบัสในรูปของแพ็กเกจ ซึ่งแต่ละแพ็กเกจจะประกอบไปด้วยข้อมูลของผู้ส่ง, ผู้รับ และข้อมูลที่จะส่ง การสื่อสารภายในสายบัสจะเป็นแบบ 2 ทิศทางแยกไปยังปลายทั้ง 2 ด้านของ บัส โดยตรงปลายทั้ง 2 ด้านของบัส จะมีเทอร์มิเนเตอร์ (Terminator) ทำหน้าที่ลบล้างสัญญาณที่ส่งมาถึง เพื่อป้องกันไม่ให้สัญญาณข้อมูลนั้นสะท้อนกลับ เข้ามายังบัสอีก เพื่อเป็นการป้องกันการชนกันของข้อมูลอื่น ๆ ที่เดินทางอยู่บนบัสในขณะนั้นสัญญาณข้อมูลจากโหนดผู้ส่งเมื่อเข้าสู่บัส ข้อมูลจะไหลผ่านไปยังปลายทั้ง 2 ด้านของบัส แต่ละโหนดที่เชื่อมต่อเข้ากับบัส จะคอยตรวจดูว่า ตำแหน่งปลายทางที่มากับแพ็กเกจข้อมูลนั้นตรงกับตำแหน่งของตนหรือไม่ ถ้าตรง ก็จะรับข้อมูลนั้นเข้ามาสู่โหนด ตน แต่ถ้าไม่ใช่ ก็จะปล่อยให้สัญญาณข้อมูลนั้นผ่านไป จะเห็นว่าทุก ๆ โหนดภายในเครือข่ายแบบ BUS นั้นสามารถรับรู้สัญญาณข้อมูลได้ แต่จะมีเพียงโหนดปลายทางเพียงโหนดเดียวเท่านั้นที่จะรับข้อมูลนั้นไปได้
ข้อดี1. ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการวางสายสัญญาณมากนัก สามารถขยายระบบได้ง่าย เสียค่าใช้จ่ายน้อย ซึ่งถือว่าระบบบัสนี้เป็นแบบโทโปโลยีที่ได้รับความนิยมใช้กันมากที่สุดมา ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เหตุผลอย่างหนึ่งก็คือสามารถติดตั้งระบบ ดูแลรักษา และติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมได้ง่าย ไม่ต้องใช้เทคนิคที่ยุ่งยากซับซ้อนมากนัก
ข้อเสีย1. อาจเกิดข้อผิดพลาดง่าย เนื่องจากทุกเครื่องคอมพิวเตอร์ ต่อยู่บนสายสัญญาณเพียงเส้นเดียว ดังนั้นหากมี สัญญาณขาดที่ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่ง ก็จะทำให้เครื่องบางเครื่อง หรือทั้งหมดในระบบไม่สามารถใช้งานได้ตามไปด้วย2. การตรวจหาโหนดเสีย ทำได้ยาก เนื่องจากขณะใดขณะหนึ่ง จะมีคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียวเท่านั้น ที่สามารถส่งข้อความ ออกมาบนสายสัญญาณ ดังนั้นถ้ามีเครื่องคอมพิวเตอร์จำนวนมากๆ อาจทำให้เกิดการคับคั่งของเน็ตเวิร์ค ซึ่งจะทำให้ระบบช้าลงได้
2.โทโปโลยีแบบดาว (STAR)เป็นรูปแบบที่ เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่เชื่อมต่อเข้าด้วยกันในเครือข่าย จะต้องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ตัวกลางตัวหนึ่งที่เรียกว่า ฮับ (HUB) หรือเครื่อง ๆ หนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของการเชื่อมต่อสายสัญญาญที่มาจากเครื่องต่าง ๆ ในเครือข่าย และควบคุมเส้นทางการสื่อสาร ทั้งหมด เมื่อมีเครื่องที่ต้องการส่งข้อมูลไปยังเครื่องอื่น ๆ ที่ต้องการในเครือข่าย เครื่องนั้นก็จะต้องส่งข้อมูลมายัง HUB หรือเครื่องศูนย์กลางก่อน แล้ว HUB ก็จะทำหน้าที่กระจายข้อมูลนั้นไปในเครือข่ายต่อไป
ข้อดี1. การติดตั้งเครือข่ายและการดูแลรักษาทำ ได้ง่าย หากมีเครื่องใดเกิดความเสียหาย ก็สามารถตรวจสอบได้ง่าย และศูนย์ กลางสามารถตัดเครื่องที่เสียหายนั้นออกจากการสื่อสาร ในเครือข่ายได้เลย โดยไม่มีผลกระทบกับระบบเครือข่าย
ข้อเสีย2. เสียค่าใช้จ่ายมาก ทั้งในด้านของเครื่องที่จะใช้เป็น เครื่องศูนย์กลาง หรือตัว HUB เอง และค่าใช้จ่ายในการติดตั้งสายเคเบิลในเครื่องอื่น ๆ ทุกเครื่อง การขยายระบบให้ใหญ่ขึ้นทำได้ยาก เพราะการขยายแต่ละครั้ง จะต้องเกี่ยวเนื่องกับเครื่องอื่นๆ ทั้งระบบ
4.โทโปโลยีแบบวงแหวน (RING)เป็นรูปแบบที่ เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในระบบเครือข่าย ทั้งเครื่องที่เป็นผู้ให้บริการ( Server) และ เครื่องที่เป็นผู้ขอใช้บริการ(Client) ทุกเครื่องถูกเชื่อมต่อกันเป็นวงกลม ข้อมูลข่าวสารที่ส่งระหว่างกัน จะไหลวนอยู่ในเครือข่ายไปใน ทิศทางเดียวกัน โดยไม่มีจุดปลายหรือเทอร์มิเนเตอร์เช่นเดียวกับเครือข่ายแบบ BUS ในแต่ละโหนดหรือแต่ละเครื่อง จะมีรีพีตเตอร์ (Repeater) ประจำแต่ละเครื่อง 1 ตัว ซึ่งจะทำหน้าที่เพิ่มเติมข้อมูลที่จำเป็นต่อการติดต่อสื่อสารเข้าในส่วนหัวของแพ็กเกจที่ส่ง และตรวจสอบข้อมูลจากส่วนหัวของ Packet ที่ส่งมาถึง ว่าเป็นข้อมูลของตนหรือไม่ แต่ถ้าไม่ใช่ก็จะปล่อยข้อมูลนั้นไปยัง Repeater ของเครื่องถัดไป
ข้อดี1. ผู้ส่งสามารถส่งข้อมูลไปยังผู้รับได้หลาย ๆ เครื่องพร้อม ๆ กัน โดยกำหนดตำแหน่งปลายทางเหล่านั้นลงในส่วนหัวของแพ็กเกจข้อมูล Repeaterของแต่ละเครื่องจะทำการตรวจสอบเองว่า ข้อมูลที่ส่งมาให้นั้น เป็นตนเองหรือไม่2. การส่งผ่านข้อมูลในเครือข่ายแบบ RING จะเป็นไปในทิศทางเดียวจากเครื่องสู่เครื่อง จึงไม่มีการชนกันของสัญญาณ ข้อมูลที่ส่งออกไป3. คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในเน็ตเวิร์กมีโอกาสที่จะส่งข้อมูลได้อย่างทัดเทียมกัน
ข้อเสีย1.ถ้ามีเครื่องใดเครื่องหนึ่งในเครือข่ายเสียหาย ข้อมูลจะไม่สามารถส่งผ่านไปยังเครื่องต่อ ๆ ไปได้ และจะทำให้เครือข่ายทั้งเครือข่าย หยุดชะงักได้2. ขณะที่ข้อมูลถูกส่งผ่านแต่ละเครื่อง เวลาส่วนหนึ่งจะสูญเสียไปกับการที่ทุก ๆ Repeater จะต้องทำการตรวจสอบตำแหน่งปลายทางของข้อมูลนั้น ๆ ทุก ข้อมูลที่ส่งผ่านมาถึง
5.โทโปโลยีแบบ( MESH) เป็นรูปแบบที่ถือว่า สามารถป้องกันการผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นกับระบบได้ดีที่สุด เป็นรูปแบบที่ใช้วิธีการเดินสายของแต่เครื่อง ไปเชื่อมการติดต่อกับทุกเครื่องในระบบเครือข่าย คือเครื่องทุกเครื่องในระบบเครือข่ายนี้ ต้องมีสายไปเชื่อมกับทุก ๆ เครื่อง ระบบนี้ยากต่อการเดินสายและมีราคาแพง จึงมีค่อยมีผู้นิยมมากนัก
ข้อดี1. ของการเชื่อมต่อแบบเมซคือ การมีเส้นทางสำรองข้อมูล จึงได้มีการประยุกต์ใช้การเชื่อมต่อแบบเมซบางส่วน หรือการเชื่อมต่อแบบเมซที่ไม่สมบูรณ์ กล่าวคือ จะเชื่อมต่อเฉพาะสิ่งที่จำเป็นหรือสำคัญเท่านั้นข้อเสีย2.ก็คือการเชื่อมต่อหลายจุด
แหล่งที่มาhttp://www.yupparaj.ac.th/
ข้อสอบ
1.Topology หมายถึงอะไร
1.การเชื่อมโยงสายสื่อสารเข้ากับอุปกรณ์ภายในคอมพิวเตอร์
2.การเชื่อมโยงสายสื่อสารเข้ากับอุปกรณ์ภายใน LAN
3.การเชื่อมโยงสายสื่อสารเข้ากับอุปกรณ์ภายในอิเล็กทรอนิกส์
4.การเชื่อมโยงสายสื่อสารเข้ากับอุปกรณ์ ภายในเครือข่าย
เฉลยคำถาม ข้อ 4. ถูกต้อง อธิบายโทโปโลยีคือลักษณะทางกายภาพ (ภายนอก) ของระบบเครือข่าย ซึ่งหมายถึง ลักษณะของการเชื่อมโยงสายสื่อสารเข้ากับอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องคอมพิวเตอร์ ภายในเครือข่ายด้วยกันนั่นเอง
2.topology แบบใดที่ใช้คอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่อง เรียกว่า โฮสต์ (Host) หรือ เซิฟเวอร์ (Server) ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น
1.star topology
2.ring topology
3.bus topology
4.mesh topology
เฉลยคำถาม ข้อ 1. ถูกต้อง อธิบายstar topologyประกอบด้วยคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง เรียกว่า โฮสต์ (Host) หรือ เซิฟเวอร์(Server)ที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นและอุปกรณ์ที่เหลือ
3. topology แบบใดที่เครื่องคอมพิวเตอร์จะถูกเชื่อมต่อกันโดยผ่ายสายสัญญาณแกนหลัก
1.star topology
2.ring topology
3.bus topology
4.mesh topology
เฉลยคำถาม ข้อ 3. ถูกต้อง อธิบายโทโปโลยีแบบบัส (BUS) เป็นรูปแบบที่ เครื่องคอมพิวเตอร์จะถูกเชื่อมต่อกันโดยผ่ายสายสัญญาณแกนหลัก ที่เรียกว่า BUS หรือ แบ็คโบน (Backbone)
4. topology แบบใดที่สามารถป้องกันการผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นกับระบบได้ดีที่สุด
1.star topology
2.ring topology
3.bus topology
4.mesh topology
เฉลยคำถาม ข้อ 4. ถูกต้อง อธิบายโทโปโลยีแบบ MESH เป็นรูปแบบที่ถือว่า สามารถป้องกันการผิดพลาดที่อาจจะเกิดขึ้นกับระบบได้ดีที่สุด เป็นรูปแบบที่ใช้วิธีการเดินสายของแต่เครื่อง
5.โทโปโลยีแบบ Hybrid เกิดจากการผสมผสานกันของโทโปโลยีแบบใดเข้าด้วยกัน STAR , BUS , RING เข้าด้วยกัน
1.star topology ring topology
2.star topology bus topology
3.ring topology mesh topology
4.star topology ring topology bus topology
เฉลยคำถาม ข้อ 3. ถูกต้อง อธิบายโทโปโลยีแบบ Hybrid เป็นรูปแบบใหม่ ที่เกิดจากการผสมผสานกันของโทโปโลยีแบบ STAR , BUS , RING เข้าด้วยกัน
แบบทดสอบ
1.Bus มีรูปแบบเป็นอย่างไร
1.เป็นรูปแบบที่ เครื่องคอมพิวเตอร์จะถูกเชื่อมต่อกันโดยผ่ายสายสัญญาณแกนหลัก
2.เป็นรูปแบบที่ เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในระบบเครือข่าย ทั้งเครื่องที่เป็นผู้ให้บริการ( Server) และ เครื่องที่เป็นผู้ขอใช้บริการ(Client) ทุกเครื่องถูกเชื่อมต่อกันเป็นวงกลม
3.เป็นรูปแบบที่ เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่เชื่อมต่อเข้าด้วยกันในเครือข่าย
4.เป็นรูปแบบใหม่ ที่เกิดจากการผสมผสานกันของโทโปโลยีแบบ STAR , BUS , RING เข้าด้วยกัน
เฉลย ข้อ 4 Bus คือเป็นรูปแบบที่ เครื่องคอมพิวเตอร์จะถูกเชื่อมต่อกันโดยผ่ายสายสัญญาณแกนหลัก ที่เรียกว่า BUS หรือ แบ็คโบน (Backbone) คือ สายรับส่งสัญญาณข้อมูลหลัก ใช้เป็นทางเดินข้อมูลของทุกเครื่องภายในระบบเครือข่าย และจะมีสายแยกย่อยออกไปในแต่ละจุด เพื่อเชื่อมต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น ๆ ซึ่งเรียกว่าโหนด (Node) ข้อมูลจากโหนดผู้ส่งจะถูกส่งเข้าสู่สายบัสในรูปของแพ็กเกจ ซึ่งแต่ละแพ็กเกจจะประกอบไปด้วยข้อมูลของผู้ส่ง, ผู้รับ และข้อมูลที่จะส่ง การสื่อสารภายในสายบัสจะเป็นแบบ 2 ทิศทางแยกไปยังปลายทั้ง 2 ด้านของ บัส โดยตรงปลายทั้ง 2 ด้านของบัส จะมีเทอร์มิเนเตอร์ (Terminator) ทำหน้าที่ลบล้างสัญญาณที่ส่งมาถึง เพื่อป้องกันไม่ให้สัญญาณข้อมูลนั้นสะท้อนกลับ เข้ามายังบัสอีก เพื่อเป็นการป้องกันการชนกันของข้อมูลอื่น ๆ ที่เดินทางอยู่บนบัสในขณะนั้น
2.รูแบบของ topology เครือข่ายหลักๆมีกี่รูปแบบ
1. 3
2.4
3. 5
4.6
3.สายใยแก้วนำแสงแบ่งออกเป็นกี่ประเภท
1. 6 ประเภท
2. 5 ประเภท
3. 4 ประเภท
4. 3 ประเภท
ตอบ ข้อ 4คำอธิบาย สายใยแก้วนำแสงแบ่งออกเป็น 3 ประเภทได้แก่ Multimode Step Index ,
Multimode Graded Index , Single Model
4. แบบจำลอง OSI จะแบ่งการทำงานขอนระบบเครือข่ายออกเป็นกี่ชั้น
1. 4 ชั้น
2. 5 ชั้น
3. 6 ชั้น
4. 7 ชั้น
ตอบ ข้อ 4คำอธิบาย แบบจำลอง OSI จะแบ่งการทำงานออกเป็น 7ชั้น ได้แก่ Physical , Data Link ,Network , Transport , Session , Presentetion , Application
5.ผู้ส่งสามารถส่งข้อมูลไปยังผู้รับได้หลาย ๆ เครื่องพร้อม ๆ กัน โดยกำหนดตำแหน่งปลายทางเหล่านั้นลงในส่วนหัวของแพ็กเกจข้อมูล Repeaterของแต่ละเครื่องจะทำการตรวจสอบเองว่า ข้อมูลที่ส่งมาให้นั้น เป็นตนเองหรือเป็นข้อดีของโทโปโลยี่แบบใด
ก.โทโปโลยีแบบดาว (STAR)
ข.โทโปโลยีแบบ (Hybrid)
ค.โทโปโลยีแบบ (MESH)
ง. โทโปโลยีแบบดาว (STAR)
เฉลยข้อ งคือ โทโปโลยีแบบดาว (STAR) เป็นรูปแบบที่ เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่เชื่อมต่อเข้าด้วยกันในเครือข่าย จะต้องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ตัวกลางตัวหนึ่งที่เรียกว่า ฮับ (HUB) หรือเครื่อง ๆ หนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของการเชื่อมต่อสายสัญญาญที่มาจากเครื่องต่าง ๆ ในเครือข่าย และควบคุมเส้นทางการสื่อสาร ทั้งหมด เมื่อมีเครื่องที่ต้องการส่งข้อมูลไปยังเครื่องอื่น ๆ ที่ต้องการในเครือข่าย เครื่องนั้นก็จะต้องส่งข้อมูลมายัง HUB หรือเครื่องศูนย์กลางก่อน แล้ว HUB ก็จะทำหน้าที่กระจายข้อมูลนั้นไปในเครือข่ายต่อไป
6.แบบจำลอง OSI สร้างขึ้นมาเพื่อวัตถุประสงค์ใดเป็นสำคัญ
1.เพื่อให้ระบบต่างๆสามารถสนับสนุนกันได้
2.เพื่อให้ระบบต่างๆสามารถสื่อสารกันได้
3.เพื่อให้ระบบต่างๆทำงานด้วยกันได้
4.ถูกเฉพาะข้อ 1 ,2
เฉลยอธิบายคำตอบคือ ข้อ 2มาตรฐานแบบจำลอง OSI นี้จัดทำขึ้นมานั้นก็เพื่อวัตถุประสงค์ให้ระบบที่มีความแตกต่างกันสามารถสื่อสารกันได้ด้วยการใช้มาตรฐานการสื่อสารที่เป็นสากล
7.ลำดับชั้นบบแบบจำลอง OSI ประกอบกี่ลำดับชั้น
1. 4 ลำดับชั้น
2. 5ลำดับชั้น
3. 6ลำดับชั้น
4. 7ลำดับชั้น
เฉลยคำตอบคือ ข้อ 4 อธิบายแบบจำลอง OSI กรอบการทำงานเป็นลำดับชั้นหรือ รียกว่า “เลเยอร์ (Layer) แต่ละลำดับชั้นจะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันโดยแบบจำลอง OSI ได้มีการแบ่งออกเป็น 7 ลำดับชั้น
8.หน่วยข้อมูลลำดับชั้นเน็ตเวิร์ก(Network)เรียกว่าอะไร
1.แพ็กเก็ต (packet)
2.แครช (crash)
3.เร้าเตอร์ (router)
4.แพ็กกิง (packing)
เฉลยคำตอบคือ ข้อ 1 อธิบายหน่วยข้อมูลบนลำดับชั้นเน็ตเวิร์กนี้จะถูกแบ่งออกเป็นส่วน ๆ ที่เรียกว่า “แพ็กเก็ต (packet)”
9.รูปแบบการเชื่อมต่อเครือข่าย (Topology) มีอยู่กี่รูปแบบ
1. 1รูปแบบ
2. 2รูปแบบ
3. 3รูปแบบ
4. 4รูปแบบ
เฉลยคำตอบคือ ข้อ 3 อธิบายรูปแบบการเชื่อมต่อเครือข่าย (Topology) มีอยู่ทั้งหมดด้วยกันคือ 3 รูปแบบด้วยกันคือ 1)การเชื่อมต่อแบบบัส 2)การเชื่อมต่อแบบดาว 3) การเชื่อมต่อแบบวงแหวน
10.ข้อใดไม่ใช่ส่วนประกอบของเครือข่าย (Network Computer)
1.เครื่องศูนย์บริการข้อมูล (Servers)
2.การ์ดเครือข่าย (Network Interface Card)
3.ฮับและสวิตซ์ (Hubs and Switches)
4.เทอร์มิเนเตอร์ (Terminator)
เฉลยคำตอบคือ ข้อ 4 อธิบายเทอร์มิเนเตอร์ (Terminator) ทำหน้าที่ในการดูดซับสัญญาณมิให้สัญญาณที่วิ่งมายังปลายสายทั้งสองผั่งเกิดการสะท้อนกลับ (Reflection)
คำศัพท์ เกี่ยวกับระบบการสื่อสาร 30 คำ
1. Telegraphy โทรเลข
2. Telephone โทรศัพท์
3. Tetex โทรพิมพ์
4. Television โทรทัศน์
5. Radio วิทยุกระจายเสียง
6. Microwave ไมโครเวฟ
7. Satellite ดาวเทียม
8. Delivery การส่งมอบ
9. Accuracy ความถูกต้องแน่นอน
10. Timeliness ระยะเวลา
11. Message ข้อมูลข่าวสาร
12. Sender/source ผู้ส่งข้อมูล
13. Receiver/destination ผู้รับข้อมูล
14. Protocol โปรโตคอล
15. Analog signal สัญญาณแอนะล็อก
16. Digital signal สัญญาณดิจิตอล
17. Local Area Network : LAN เครือข่ายท้องถิ่น
18. Metropolitan Area Network : MAN เครือข่ายระดับเมือง
19. Wide Area Network : WAN เครือข่ายระดับประเทศ
20. Basic configuration การเชื่อมโยงระหว่างเครือข่าย
21. Wireless telephone configuration โทรศัพท์ไรสาย
22. Local การสื่อสารบนพื้นที่เดียวกัน
23. Remode การสื่อสารระยะไกล
24. Data rate อัตราข้อมูล
25. Line configuration การเชื่อมต่อ
26. Transmission Mode ทิศทางการส่งผ่านข้อมูล
27. Framing เฟรมข้อมูล
28. Routing การเลือกเส้นทาง
29. tramission medium ตัวกลางในการส่งข้อมูล
30. Connection Release การยกเลิกการติดต่อ